สังเวชนียสถาน เป็นสถานที่ควรไปสักการะ แสวงบุญ เพื่อนำมาซึ่งบุญกุศลและสิริมงคล ในเนื้อความมหาปรินิพพานสูตร พระพุทธองค์ได้ตรัสว่า “ผู้ใดระลึกถึงพระองค์ พึงจาริกไปยังสังเวชนียสถานทั้งสี่นี้”
1. พุทธคยา เป็นพุทธสังเวชนียสถานที่สำคัญและเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดทางพุทธศาสนา ที่เจ้าชายสิทธัตถะตรัสรู้เป็นสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นเมืองศูนย์รวมแห่งการแสวงบุญของชาวพุทธทั่วโลก
2. ลุมพินีวัน เป็นสถานที่พระพุทธองค์ประสูติ ตั้งอยู่ระหว่างเมืองกบิลพัสดุ์และเมืองเทวหะ
3. สารนาถ หรือ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ในสมัยพุทธกาล สถานที่ชุมนุมบำเพ็ญตบะของฤาษีและนักพรต และเป็นสถานที่แสดงปฐมเทศนาและโปรดปัญวัคคีย์จนบรรลุเป็นพระอรหันต์
4. กุสินารา เป็นพุทธสังเวชนียสถานที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน
1. พุทธคยา เป็นพุทธสังเวชนียสถานที่สำคัญและเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดทางพุทธศาสนา ที่เจ้าชายสิทธัตถะตรัสรู้เป็นสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นเมืองศูนย์รวมแห่งการแสวงบุญของชาวพุทธทั่วโลก
2. ลุมพินีวัน เป็นสถานที่พระพุทธองค์ประสูติ ตั้งอยู่ระหว่างเมืองกบิลพัสดุ์และเมืองเทวหะ
3. สารนาถ หรือ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ในสมัยพุทธกาล สถานที่ชุมนุมบำเพ็ญตบะของฤาษีและนักพรต และเป็นสถานที่แสดงปฐมเทศนาและโปรดปัญวัคคีย์จนบรรลุเป็นพระอรหันต์
4. กุสินารา เป็นพุทธสังเวชนียสถานที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน
พุทธคยาเป็นพุทธสังเวชนียสถานที่สำคัญที่สุดใน 4 สังเวชนียสถาน เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของพระพุทธศาสนาที่เจ้าชายสิทธัตถะได้ตรัสรู้เป็นสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า
พุทธคยานั้นเป็นจุดที่จะได้เห็นชุมชนทางพุทธศาสนาที่ได้มาสร้างวัดและพระพุทธรูปที่มีรูปร่างทางศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมที่แตกต่างกันจากทั่วโลกที่มีประชากรนับถือพุทธศาสนา สายการบินภูฏานแอร์ไลน์ เปิดเที่ยวบินตรงจากสุวรรณภูมิไปยังพุทธคยา ใช้เวลาบินเพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้น โดยมีเที่ยวบิน 2 เที่ยวต่อสัปดาห์คือ วันพุธ และวันอาทิตย์ โดยเริ่มบินตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2561 – 27 กุมภาพันธ์ 2562 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-630-4600-1 หรือ อีเมล์ b3@omgexp.com |
การพักโรงแรม หรือพักที่วัดไทยในพุทธคยา มีความแตกต่างอยู่บ้างขึ้นอยู่กับความสะดวก เพราะว่าในเมืองพุทธคยาจะมีตัวเลือกโรงแรมเพียง 2-3 แห่ง อีกทั้งภายในที่พักนั้นจะมีกลิ่นเครื่องเทศติดห้อง ซึ่งคนไทยอาจจะไม่คุ้นชิน แต่หากเลือกพักวัดไทย ทั้งขนาดห้องและสิ่งอำนวยความสะดวกไม่แตกต่างจากโรงแรม ส่วนอาหารที่วัดไทยพุทธคยาจะมีแม่ครัวคอยทำอาหารไทยไว้บริการ สามารถถวายปัจจัยหรือทำบุญเพื่อใช้สอย เนื่องจากพระไทยที่อาศัยอยู่ในอินเดียออกบิณฑบาตรไม่ได้เนื่องจากศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาประจำชาติของอินเดีย แม่ครัวประจำวัดจึงเป็นผู้จัดเตรียมอาหารถวายพระไทยในวัด
|
"ต้นพระศรีมหาโพธิ์"
ต้นพระศรีมหาโพธิ์ เป็นที่ประทับตรัสรู้ ปัจจุบันเป็นต้นที่ 4 ซึ่งเป็นสองหน่อที่งอกมาจากต้นเดิม โดยมีหน่อหนึ่งที่ปลูกไว้บริเวณต้นเดิม และอีกหน่อปลูกไว้ไม่ไกลจากต้นเดิม ทั้งสองต้นมีอายุกว่า 137 ปี ทุกวันยังคงมีพุทธศาสนิกชนจากทั่วโลก เดินทางมากราบไหว้สักการะพุทธสถานแห่งนี้ ทุกมุมรอบต้นพระศรีมหาโพธิ์ ยังคงเป็นพื้นที่ปฏิบัติธรรมของพระสงฆ์และฆารวาส |
"มหาโพธิ์เจดีย์"
อนุสรณ์สถานแห่งการตรัสรู้ มีลักษณะเป็นเจดีย์สี่เหลี่ยมสูง 170 ฟุต ภายในประดิษฐาน "พระพุทธเมตตา" พระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะแบบปาละ อายุประมาณ 1,400 ปี |
"พระแท่นวัชรอาสน์"
อนุสรณ์ถึงที่ประทับตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า พระเจ้าอโศกมหาราชได้ทรงให้สร้างพระแท่นวัชรอาสน์ขึ้นเมื่อครั้งเสด็จมานมัสการสถานที่ตรัสรู้ ต่อมาเมื่อรัฐบาลอินเดียได้มีการขุดค้นพบพระแท่นวัชรอาสน์และฟื้นฟูปฏิสังขรณ์ให้งดงามดังปัจจุบัน |
"วัดไทยพุทธคยา"
เป็นวัดไทยแห่งแรกในอินเดีย ตั้งอยู่ห่างจากองค์เจดีย์พุทธคยาประมาณ 500 เมตร พระอุโบสถจำลองมาจากวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ภายในวัดได้มีการจัดการพื้นที่แต่ละส่วนโดยอย่างลงตัว ทั้งที่พัก ร้านอาหาร ร้านค้า รวมถึงโรงพยาบาลด้วย |
"วัดพุทธนานาชาติ"
ตั้งอยู่ในเขตปริมณฑลพุทธคยา เป็นเหมือนมหาสังฆารามที่รวบรวมวัดเล็กวัดน้อยเข้าไว้ในอาณาบริเวณเดียวกัน โดยประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาทั้งสายมหายาน และเถรวาท ต่างมีศรัทธามาสร้างวัดขึ้น ด้วยมุ่งสู่ความเป็นเลิศทางศิลปะ และสถาปัตยกรรมของประเทศตน |
"แม่น้ำเนรัญชรา"
เป็นแม่น้ำสำคัญในทางพุทธประวัติ สันนิษฐานว่า นางสุชาดาได้นำข้าวมธุปายาส ใส่ถาดไปถวายพระสิทธัตถะได้เสวยจนหมด แล้วทรงถือถาดลงไปสู่แม่น้ำอธิษฐานเสี่ยงพระบารมีว่า "ถ้าหากข้าพเจ้าจะได้บรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณขอให้ถาดนั้นจงลอยทวนกระแสน้ำขึ้นไป" ด้วยอานุภาพบารมี ถาดทองคำก็ลอยทวนกระแสน้ำขึ้นไป แล้วจมดิ่งลงตรงกับต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่ทรงตรัสรู้ |
"สัตตมหาสถาน"
สัตตมหาสถาน สถานที่ทรงยับยั้งอยู่เพื่อเสวยวิมุตติสุข หลังจากตรัสรู้แล้ว 7 แห่ง เพื่อตรวจสอบ ทดลอง พระโพธิญาณที่ได้ตรัสรู้นั้นให้แน่พระทัย สัปดาห์ที่ 1 โพธิบัลลังก์ ทรงใคร่ครวญปฏิจจสมุปปบาททั้งอนุโลมและปฏิโลม ทั้งสายเกิดและสายดับ สัปดาห์ที่ 2 อนิมิสเจดีย์ พระองค์ทรงประทับยืนและทรงจ้องพระเนตรแลดูบัลลังก์และต้นโพธิ์ด้วยดวงพระเนตรที่ไม่กระพริบอยู่ตลอด 7 วัน สัปดาห์ที่ 3 รัตนจงกรมเจดีย์คือ หินทรายสลักเป็นดอกบัวบานรับแสงอาทิตย์จำนวน 19 ดอก มีแท่นหินทรายแดงยาวประมาณ 6 เมตร และมีป้ายหินอ่อนปักไว้ สัปดาห์ที่ 4 รัตนฆรเจดีย์ตั้ง ลักษณะรูปทรงเป็นวิหารสี่เหลี่ยม ไม่มีหลังคามุง รอบข้างเต็มไปด้วยเจดีย์โบราณ มีพระพุทธรูปสมัยคุปตะและปาละ ทรงเปล่งฉัพพรรณรังสี ณ ที่นี้ |
สัปดาห์ที่ 5 ต้นอชปาลานิโครธ มีเทวาลัยยอดแหลม และต้นไทรใบใหญ่อายุประมาณ 100 ปีขึ้นไป 5-6 ต้น ทรงตรึกตรองถึงบุคคลที่สมควรรับคำสอน เกิดคำอุปมาแห่งบุคคลเหมือนอุบล 4 เหล่า และท้าวสหัมบดีพรหมเป็นผู้อาราธนาเพื่อแสดงธรรม
สัปดาห์ที่ 6 ต้นมุจลินทร์ มีสระน้ำที่ชาวบ้านเรียกว่ามุจลินทร์โบกขรณี มีต้นตาลใหญ่ประมาณ 7-8 ต้นล้อมรอบอยู่ ในช่วงนั้นมีพายุ ทำให้มีฝนตกตลอด 7 วัน พระยามุจลินทนาคราชได้ถวายอารักขาด้วยการแผ่พังพานพร้อมขด 7 รอบเพื่อป้องกันความหนาว ลม ฝน แดด เหลือบ ยุง มิให้เบียดเบียนพระองค์
สัปดาห์ที่ 7 ต้นราชายตนะ เป็นทางผ่านของขบวนกองเกวียน ที่พ่อค้าวาณิชใช้ติดต่อกันระหว่างพาราณสี ราชคฤห์ โกสัมพี ณ บริเวณควงไม้ราชายตนะ มีพ่อค้า 2 พี่น้องคือ ตปุสสะ และภัลลิกะ เดินทางมาถึงที่ประทับ เกิดความเลื่อมใสจึงพากันเข้าเฝ้าพร้อมถวายข้าวสัตตุ (ข้าวตู) พระพุทธองค์ทรงดำริว่า พระตถาคตทั้งหลายไม่รับด้วยมือ ท้าวเทวราชทั้ง 4 ทรงนำบาตรศิลา 4 ใบแล้วอธิษฐานให้เป็นบาตรเดียวรับข้าวสัตตุ จากนั้นพ่อค้าทั้งสองจึงได้ประกาศตนเป็นอุบาสก เป็นสรณะตลอดชีวิต
สถานที่ประทับทั้ง 7 แห่งนี้ ต่อมาถึงกันว่าเป็นที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา เรียกว่าสัตตมหาสถานนับเป็นพุทธเจดีย์ด้วยประการหนึ่ง
สัปดาห์ที่ 6 ต้นมุจลินทร์ มีสระน้ำที่ชาวบ้านเรียกว่ามุจลินทร์โบกขรณี มีต้นตาลใหญ่ประมาณ 7-8 ต้นล้อมรอบอยู่ ในช่วงนั้นมีพายุ ทำให้มีฝนตกตลอด 7 วัน พระยามุจลินทนาคราชได้ถวายอารักขาด้วยการแผ่พังพานพร้อมขด 7 รอบเพื่อป้องกันความหนาว ลม ฝน แดด เหลือบ ยุง มิให้เบียดเบียนพระองค์
สัปดาห์ที่ 7 ต้นราชายตนะ เป็นทางผ่านของขบวนกองเกวียน ที่พ่อค้าวาณิชใช้ติดต่อกันระหว่างพาราณสี ราชคฤห์ โกสัมพี ณ บริเวณควงไม้ราชายตนะ มีพ่อค้า 2 พี่น้องคือ ตปุสสะ และภัลลิกะ เดินทางมาถึงที่ประทับ เกิดความเลื่อมใสจึงพากันเข้าเฝ้าพร้อมถวายข้าวสัตตุ (ข้าวตู) พระพุทธองค์ทรงดำริว่า พระตถาคตทั้งหลายไม่รับด้วยมือ ท้าวเทวราชทั้ง 4 ทรงนำบาตรศิลา 4 ใบแล้วอธิษฐานให้เป็นบาตรเดียวรับข้าวสัตตุ จากนั้นพ่อค้าทั้งสองจึงได้ประกาศตนเป็นอุบาสก เป็นสรณะตลอดชีวิต
สถานที่ประทับทั้ง 7 แห่งนี้ ต่อมาถึงกันว่าเป็นที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา เรียกว่าสัตตมหาสถานนับเป็นพุทธเจดีย์ด้วยประการหนึ่ง
สภาพอากาศที่พุทธคยา มี 3 ฤดู โดยช่วงที่นักท่องเที่ยวหรือผู้ที่เดินทางไปแสวงบุญนิยมไปกันมากที่สุดคือในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนมีนาคม
ฤดูร้อน
เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงปลายเดือนพฤษภาคมโดยจะมีอุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ 45-47 องศาเซลเซียส |
ฤดูมรสุม หรือฤดูฝน
เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายนจนถึงปลายเดือนสิงหาคม อุณหภูมิจะลดลงมาใกล้เคียง 35 องศาเซลเซียสในตอนกลางวัน กลางคืนก็จะเหลือประมาณ 27 องศาเซลเซียส |
ฤดูหนาว
เป็นฤดูที่อากาศเย็นสบายอุณหภูมิจะอยู่ระหว่าง 11 ถึง 29 องศาเซลเซียส เป็นฤดูที่สามารถเดินทางไปเยือนวัดและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ได |
ช่องทางที่ 1: Regular Visa การยื่นวีซ่าแบบปกติ
เอกสารที่ใช้
1. แบบฟอร์มคำขอวีซ่าผ่านทางออนไลน์
2. หนังสือเดินทางที่มีอายุใช้งานไม่ต่ำกว่า 6 เดือน และต้องครอบคลุมการเดินทางไปอินเดีย หรืออายุของระยะเวลาวีซ่าที่ร้องขอ และมีหน้าว่างมากกว่า 2 หน้า
3. รูปถ่ายสีไม่เกิน 6 เดือน ขนาด 2x2 นิ้ว จำนวน 2 รูป พื้นหลังสีขาวเท่านั้น ต้องเห็นหน้าชัด ตั้งแต่หัวไหล่ไปจนสุดศีรษะ ห้ามเย็บรูปในแบบฟอร์ม ต้องติดกาวเท่านั้น
4. โปรแกรมการท่องเที่ยว
5. ใบจองตั๋วเครื่องบินขาไปและขากลับ (รวมทั้งตั๋วเครื่องบินในประเทศ)
6. ใบจองที่พัก / หากเดินทางไปพำนักบ้านของเพื่อนที่อยู่ในอินเดีย ให้แสดงจดหมายระบุช่วงเวลาพักและที่อยู่ให้ชัดเจน
7. สำเนาหนังสือเดินทางหน้าที่มีข้อมูลผู้สมัคร และหน้าที่มีการต่ออายุและแก้ไข ทั้งหมด 2 ฉบับ
8. สำเนาบัตรประชาชนพร้อมลงลายมือชื่อรับรองสำเนาถูกต้อง 1 ชุด (สำหรับเด็กที่ไม่มีบัตรประชาชน ให้แสดงสำเนาใบสูติบัตร 1 ชุด)
*เอกสารที่ใช้ยื่นขอวีซ่าทั้งหมด ต้องเขียนด้วยปากกาหมึกสีดำ เท่านั้น! และอาจมีการร้องขอเอกสารเพิ่มเติม ตามความเหมาะสมและเห็นสมควร
ขั้นตอนที่ 1 กรอกใบสมัครออนไลน์ให้สมบูรณ์ผ่านเว็บไซต์ <คลิ๊ก>
ขั้นตอนที่ 2 เตรียมค่าธรรมเนียมวีซ่า เตรียมค่าธรรมเนียมวีซ่าและค่าบริการอื่นๆให้พร้อมก่อนที่จะยื่นใบสมัคร
- วีซ่าสำหรับท่องเที่ยว 6 เดือน เข้า-ออกกี่ครั้งก็ได้ภายในอายุวีซ่า ราคา 4,358 บาท
- วีซ่าสำหรับท่องเที่ยว 5 ปี เข้า-ออกกี่ครั้งก็ได้ภายในอายุวีซ่า สามารถอยู่ในอินเดียต่อเนื่องไม่เกิน 90 วัน ราคา 8,458 บาท
- วีซ่าสำหรับท่องเที่ยวแบบยื่นออนไลน์ 60 วัน เข้า-ออก 2 ครั้งก็ได้ภายในอายุวีซ่า ราคา USD51.25 หรือประมาณ 1,845 บาท
กรณีต้องการให้ส่งวีซ่าทางไปรษณีย์ จะมีค่า SMS 60 บาท และค่าจัดส่งไปรษณีย์ 230 บาท โดยระยะเวลาของการพิจารณาใบสมัครประมาณ 3 - 5 วันทำการ
ขั้นตอนที่ 3 เดินทางมายังศูนย์ยื่นขอวีซ่า
ขั้นตอนที่ 4 รับผลวีซ่าที่ท่านทำการยื่นใบสมัครไว้แล้ว กรุณานำใบเสร็จตัวจริงมาเพื่อขอรับผล ในวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 16.30 น. - 17.30 น.
กรุณาตรวจสอบข้อมูลในหน้าวีซ่า: ข้อมูลส่วนตัวเช่น ชื่อ-นามสกุล, เพศ, ประเภทของวีซ่ากับจุดประสงค์การเดินทาง, วีซ่ามีอายุครอบคลุมเพียงพอกับวันเดินทาง หากท่านพบว่าข้อมูลในวีซ่าไม่ถูกต้อง กรุณาติดต่อเจ้าหน้าเพื่อการแก้ไขทันที
ช่องทางที่ 2: e Tourist Visa Online (eTV)
e Tourist Visa เป็นช่องทางใหม่ในการยื่นขอวีซ่าผ่านทางระบบออนไลน์ โดยมีขั้นตอนที่ทำผ่านการออนไลน์ด้วยตนเองทั้งหมด ตั้งแต่การกรอกข้อมูล, จ่ายเงิน และไปรับ Visa ที่ปลายทาง โดยไม่ต้องไปต่อคิวขอยื่นด้วยตนเองที่ศูนย์ยื่นวีซ่า
วัตถุประสงค์
1. สำหรับนักท่องเที่ยวผู้ที่จะเข้าประเทศอินเดียในจุดประสงค์ ดังนี้ เพื่อพักผ่อน, ท่องเที่ยว, พบปะญาติหรือเพื่อน, ไปรักษาร่างกายระยะสั้น และพบปะทางธุรกิจแบบไม่เป็นทางการ
2. ต้องมีอายุของหนังสือเดินทางเหลืออย่างน้อย 6 เดือน นับจากวันที่เดินทางถึงประเทศอินเดีย และต้องมีหน้าหนังสือเดินทางว่าง อย่างน้อย 2 หน้า
3. ผู้ที่เดินทาง ต้องมีตั๋วเครื่องบินไป-กลับ และ มีเงินใช้จ่ายมากพอในระหว่างที่เดินทางในอินเดีย
4. ไม่อนุญาตสำหรับผู้ที่ถือหนังสือเดินทางราชการ และหนังสือเดินทางการฑูต และผู้เดินทางที่ต้องใช้เอกสารรับรองของผู้ปกครอง
เอกสารที่ต้องใช้
1. สแกนหน้าหนังสือเดินทางเป็นไฟล์ PDF ขนาดไม่เกิน 300 KB
2. Upload รูปถ่ายลงในแบบฟอร์มออนไลน์ เป็นไฟล์ JPEG ขนาดไม่เกิน 1 MB โดยที่ ความสูง และความกว้าง ต้องเท่ากันทุกด้าน รูปถ่ายหน้าตรง เห็นหน้าแบบชัดเจน ลืมตาปกติ และโชว์ใบหน้าทั้งหมด ฉากหลังสีขาวเท่านั้น ต้องไม่มีแสงเงาบนใบหน้า และฉากหลัง และไม่มีเส้นขอบรูป
ขั้นตอนการสมัคร
ขั้นตอนที่ 1: กรอกแบบฟอร์มออนไลน์และแนบไฟล์แสกนหน้าแรกหนังสือเดินทางพร้อมรูปถ่ายหน้าตรงที่นี่ เมื่อกรอกครบถ้วนจะได้รหัสเพื่อใช้ในการชำระค่าธรรมเนียม หากกรอกไม่ครบถ้วน สามารถบันทึกไว้และกลับมาใส่รายละเอียดเพิ่มจนกว่าจะครบ
ขั้นตอนที่ 2: เมื่อกรอกข้อมูลครบถ้วนแล้ว ผู้สมัครจะต้องรอระบบทำการประมวลผล (อาจนานถึง 1-4 ชั่วโมง) เพื่อการชำระเงินในลำดับถัดไป
ขั้นตอนที่ 3: เมื่อชำระเงินเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต้องใช้เวลารอประมวลผล อย่างน้อย 1-4 ชั่วโมง เพื่ออัพเดตสถานะว่าชำระเงินแล้วเรียบร้อย เมื่อวีซ่าได้รับการอนุมัติแล้ว จะได้รับอีเมล์ส่งวีซ่ามาให้ สามารถพิมพ์และนำไปยืนยันที่สนามบินปลายทาง
ข้อควรจำ
1. อายุของ eTV คือ 30 วัน นับจากวันที่เดินทางเข้าประเทศอินเดีย
2. บุคคลที่ถือ eTV "ต้อง" เข้าประเทศอินเดีย ได้ 16 สนามบิน ดังนี้ Ahmedabad, Amritsar, Bengaluru, Chennai, Cochin, Delhi, Gaya, Goa, Hyderabad, Jaipur, Kolkata, Lucknow, Mumbai, Tiruchirapalli, Trivandrum, Varanasi.
3. นักท่องเที่ยวสามารถยื่นขอ eTV เพื่อเข้าไปเที่ยวอินเดีย ได้ไม่เกินปีละ 2 ครั้ง (ในรอบ 1 ปฏิทินของปี)
4. eTV ไม่อนุญาตให้เดินทางไปยังเขตที่เรียกว่า Protected Area Permission (PAP)/ Restricted Area Permission (RAP) และ Cantonment Areas แต่ยังสามารถเดินทางไป Leh Ladakh และ Sikkim ได้
5. โปรดระมัดระวังการชำระเงินค่า eTV ของท่าน ถ้าจำนวนการชำระของท่านไม่สำเร็จเกิน 3 ครั้งขึ้นไป ใบสมัครนั้นจะถูก Block ไม่สามารถนำมาใช้ได้อีก ท่านต้องทำการกรอกข้อมูลใหม่ทั้งหมด
เอกสารที่ใช้
1. แบบฟอร์มคำขอวีซ่าผ่านทางออนไลน์
2. หนังสือเดินทางที่มีอายุใช้งานไม่ต่ำกว่า 6 เดือน และต้องครอบคลุมการเดินทางไปอินเดีย หรืออายุของระยะเวลาวีซ่าที่ร้องขอ และมีหน้าว่างมากกว่า 2 หน้า
3. รูปถ่ายสีไม่เกิน 6 เดือน ขนาด 2x2 นิ้ว จำนวน 2 รูป พื้นหลังสีขาวเท่านั้น ต้องเห็นหน้าชัด ตั้งแต่หัวไหล่ไปจนสุดศีรษะ ห้ามเย็บรูปในแบบฟอร์ม ต้องติดกาวเท่านั้น
4. โปรแกรมการท่องเที่ยว
5. ใบจองตั๋วเครื่องบินขาไปและขากลับ (รวมทั้งตั๋วเครื่องบินในประเทศ)
6. ใบจองที่พัก / หากเดินทางไปพำนักบ้านของเพื่อนที่อยู่ในอินเดีย ให้แสดงจดหมายระบุช่วงเวลาพักและที่อยู่ให้ชัดเจน
7. สำเนาหนังสือเดินทางหน้าที่มีข้อมูลผู้สมัคร และหน้าที่มีการต่ออายุและแก้ไข ทั้งหมด 2 ฉบับ
8. สำเนาบัตรประชาชนพร้อมลงลายมือชื่อรับรองสำเนาถูกต้อง 1 ชุด (สำหรับเด็กที่ไม่มีบัตรประชาชน ให้แสดงสำเนาใบสูติบัตร 1 ชุด)
*เอกสารที่ใช้ยื่นขอวีซ่าทั้งหมด ต้องเขียนด้วยปากกาหมึกสีดำ เท่านั้น! และอาจมีการร้องขอเอกสารเพิ่มเติม ตามความเหมาะสมและเห็นสมควร
ขั้นตอนที่ 1 กรอกใบสมัครออนไลน์ให้สมบูรณ์ผ่านเว็บไซต์ <คลิ๊ก>
ขั้นตอนที่ 2 เตรียมค่าธรรมเนียมวีซ่า เตรียมค่าธรรมเนียมวีซ่าและค่าบริการอื่นๆให้พร้อมก่อนที่จะยื่นใบสมัคร
- วีซ่าสำหรับท่องเที่ยว 6 เดือน เข้า-ออกกี่ครั้งก็ได้ภายในอายุวีซ่า ราคา 4,358 บาท
- วีซ่าสำหรับท่องเที่ยว 5 ปี เข้า-ออกกี่ครั้งก็ได้ภายในอายุวีซ่า สามารถอยู่ในอินเดียต่อเนื่องไม่เกิน 90 วัน ราคา 8,458 บาท
- วีซ่าสำหรับท่องเที่ยวแบบยื่นออนไลน์ 60 วัน เข้า-ออก 2 ครั้งก็ได้ภายในอายุวีซ่า ราคา USD51.25 หรือประมาณ 1,845 บาท
กรณีต้องการให้ส่งวีซ่าทางไปรษณีย์ จะมีค่า SMS 60 บาท และค่าจัดส่งไปรษณีย์ 230 บาท โดยระยะเวลาของการพิจารณาใบสมัครประมาณ 3 - 5 วันทำการ
ขั้นตอนที่ 3 เดินทางมายังศูนย์ยื่นขอวีซ่า
ขั้นตอนที่ 4 รับผลวีซ่าที่ท่านทำการยื่นใบสมัครไว้แล้ว กรุณานำใบเสร็จตัวจริงมาเพื่อขอรับผล ในวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 16.30 น. - 17.30 น.
กรุณาตรวจสอบข้อมูลในหน้าวีซ่า: ข้อมูลส่วนตัวเช่น ชื่อ-นามสกุล, เพศ, ประเภทของวีซ่ากับจุดประสงค์การเดินทาง, วีซ่ามีอายุครอบคลุมเพียงพอกับวันเดินทาง หากท่านพบว่าข้อมูลในวีซ่าไม่ถูกต้อง กรุณาติดต่อเจ้าหน้าเพื่อการแก้ไขทันที
ช่องทางที่ 2: e Tourist Visa Online (eTV)
e Tourist Visa เป็นช่องทางใหม่ในการยื่นขอวีซ่าผ่านทางระบบออนไลน์ โดยมีขั้นตอนที่ทำผ่านการออนไลน์ด้วยตนเองทั้งหมด ตั้งแต่การกรอกข้อมูล, จ่ายเงิน และไปรับ Visa ที่ปลายทาง โดยไม่ต้องไปต่อคิวขอยื่นด้วยตนเองที่ศูนย์ยื่นวีซ่า
วัตถุประสงค์
1. สำหรับนักท่องเที่ยวผู้ที่จะเข้าประเทศอินเดียในจุดประสงค์ ดังนี้ เพื่อพักผ่อน, ท่องเที่ยว, พบปะญาติหรือเพื่อน, ไปรักษาร่างกายระยะสั้น และพบปะทางธุรกิจแบบไม่เป็นทางการ
2. ต้องมีอายุของหนังสือเดินทางเหลืออย่างน้อย 6 เดือน นับจากวันที่เดินทางถึงประเทศอินเดีย และต้องมีหน้าหนังสือเดินทางว่าง อย่างน้อย 2 หน้า
3. ผู้ที่เดินทาง ต้องมีตั๋วเครื่องบินไป-กลับ และ มีเงินใช้จ่ายมากพอในระหว่างที่เดินทางในอินเดีย
4. ไม่อนุญาตสำหรับผู้ที่ถือหนังสือเดินทางราชการ และหนังสือเดินทางการฑูต และผู้เดินทางที่ต้องใช้เอกสารรับรองของผู้ปกครอง
เอกสารที่ต้องใช้
1. สแกนหน้าหนังสือเดินทางเป็นไฟล์ PDF ขนาดไม่เกิน 300 KB
2. Upload รูปถ่ายลงในแบบฟอร์มออนไลน์ เป็นไฟล์ JPEG ขนาดไม่เกิน 1 MB โดยที่ ความสูง และความกว้าง ต้องเท่ากันทุกด้าน รูปถ่ายหน้าตรง เห็นหน้าแบบชัดเจน ลืมตาปกติ และโชว์ใบหน้าทั้งหมด ฉากหลังสีขาวเท่านั้น ต้องไม่มีแสงเงาบนใบหน้า และฉากหลัง และไม่มีเส้นขอบรูป
ขั้นตอนการสมัคร
ขั้นตอนที่ 1: กรอกแบบฟอร์มออนไลน์และแนบไฟล์แสกนหน้าแรกหนังสือเดินทางพร้อมรูปถ่ายหน้าตรงที่นี่ เมื่อกรอกครบถ้วนจะได้รหัสเพื่อใช้ในการชำระค่าธรรมเนียม หากกรอกไม่ครบถ้วน สามารถบันทึกไว้และกลับมาใส่รายละเอียดเพิ่มจนกว่าจะครบ
ขั้นตอนที่ 2: เมื่อกรอกข้อมูลครบถ้วนแล้ว ผู้สมัครจะต้องรอระบบทำการประมวลผล (อาจนานถึง 1-4 ชั่วโมง) เพื่อการชำระเงินในลำดับถัดไป
ขั้นตอนที่ 3: เมื่อชำระเงินเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต้องใช้เวลารอประมวลผล อย่างน้อย 1-4 ชั่วโมง เพื่ออัพเดตสถานะว่าชำระเงินแล้วเรียบร้อย เมื่อวีซ่าได้รับการอนุมัติแล้ว จะได้รับอีเมล์ส่งวีซ่ามาให้ สามารถพิมพ์และนำไปยืนยันที่สนามบินปลายทาง
ข้อควรจำ
1. อายุของ eTV คือ 30 วัน นับจากวันที่เดินทางเข้าประเทศอินเดีย
2. บุคคลที่ถือ eTV "ต้อง" เข้าประเทศอินเดีย ได้ 16 สนามบิน ดังนี้ Ahmedabad, Amritsar, Bengaluru, Chennai, Cochin, Delhi, Gaya, Goa, Hyderabad, Jaipur, Kolkata, Lucknow, Mumbai, Tiruchirapalli, Trivandrum, Varanasi.
3. นักท่องเที่ยวสามารถยื่นขอ eTV เพื่อเข้าไปเที่ยวอินเดีย ได้ไม่เกินปีละ 2 ครั้ง (ในรอบ 1 ปฏิทินของปี)
4. eTV ไม่อนุญาตให้เดินทางไปยังเขตที่เรียกว่า Protected Area Permission (PAP)/ Restricted Area Permission (RAP) และ Cantonment Areas แต่ยังสามารถเดินทางไป Leh Ladakh และ Sikkim ได้
5. โปรดระมัดระวังการชำระเงินค่า eTV ของท่าน ถ้าจำนวนการชำระของท่านไม่สำเร็จเกิน 3 ครั้งขึ้นไป ใบสมัครนั้นจะถูก Block ไม่สามารถนำมาใช้ได้อีก ท่านต้องทำการกรอกข้อมูลใหม่ทั้งหมด