In partnership with
Itinerary
วันที่ 1 : กรุงเทพฯ - พาโร - ทิมพู
- 04.30 น. พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 ประตูทางเข้าที่ 5 แถว K/L เคาน์เตอร์สายการบินภูฎานแอร์ไลน์ (Bhutan Airlines)
- 06.30 น. ออกเดินทางสู่ประเทศภูฏานโดยสายการบินภูฎานแอร์ไลน์ (Bhutan Airlines) เที่ยวบินที่ B3-701 (แวะรับ-ส่งผู้โดยสารระหว่างประเทศ)
- 09.55 น. ถึงสนามบินพาโร เมืองพาโร ซึ่งเป็นเมืองเดียวในประเทศภูฏานที่มีสนามบินระหว่างประเทศ ทุกท่านจะได้รับการต้อนรับจากไกด์ท้องถิ่นที่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ จากนั้นเริ่มต้นการเดินทางไปเยือนที่แรกกัน คือ พาโรริงปูซอง หรือ พาโรซอง “ซอง” ภาษาภูฏาน แปลว่า “ป้อมปราการ” ซึ่งสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2189 โดยท่านซับดุง งาวัง นัมเกล พระอริยสงฆ์ พาโรซอง สร้างขึ้นเพื่อป้องกันการรุกรานจากศัตรู แต่ปัจจุบันได้ถูกเปลี่ยนเป็นสถานที่ทำงานของรัฐบาล และเป็นที่ตั้งขององค์กรบริหารสงฆ์ประจำเขตปกครองนั้นๆ ต่อด้วยชม พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ที่ตรงนี้เป็นที่เก็บรวบรวมภาพพระบฏ อาวุธ เหรียญกษาปณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ไม้สอย รวมถึงตราไปรษณีย์เก่าแก่มากมาย และไปชมที่ วัดคิชู ลาคัง ซึ่งเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของภูฏาน โดยวัดนี้มีความเชื่อว่าสร้างไว้เพื่อตรึงเท้าซ้ายของนางยักษ์ตนหนึ่งที่นอนทอดร่างปิดทับประเทศทิเบตและเทือกเขาหิมาลัยไว้
- เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
- บ่าย หลังจากท่านรับประทานอาหารเสร็จแล้ว เราจะเดินทางสู่เมืองทิมพู ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศภูฏาน โดยใช้เวลาเดินทางประมาน 1 ชั่วโมง 30 นาที ระหว่างการเดินทางแวะถ่ายภาพคู่กับสะพานแขวน ณ วัดตัมชู ซึ่งเป็นจุดที่แม่น้ำพาโรกับแม่น้ำทิมพูไหลมาบรรจบกัน เมื่อถึงเมืองทิมพู สถานที่แรกที่ไปเยือน คือ ที่ทำการไปรษณีย์ หลายท่านอาจจะยังไม่ทราบว่าประเทศภูฏานเป็นประเทศหนึ่งที่มีแสตมป์สวยที่สุดในโลก แถมเรายังสามารถถ่ายรูปตนเองแล้วทำเป็นแสตมป์รูปของเราได้อีกด้วย บริการส่งกลับไทยก็มีเหมือนกัน ส่วนราคานั้นก็ไม่แพงมาก (ค่าแสตมป์ 400 งุลตรัม ไม่รวมในค่าแพ็คเกจ) จากนั้น เราไปต่อกันที่ สถานที่ทรงงานของ สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก (หรือที่คนไทยเรียกสั้นๆ ว่าท่านจิกมี่) สถานที่แห่งนี้ เราเรียกว่า ตาชิโชซอง หรือ ทิมพูซอง ถ้าใครโชคดี จะมีโอกาสได้เจอ ท่านจิกมี่ทรงออกมาทักทายปวงชนอย่างเป็นกันเอง นอกจากนี้สถานที่แห่งนี้ยังเป็นพระราชวังฤดูร้อนของพระสังฆราชอีกด้วย
- ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารในโรงแรม จากนั้นทุกท่านพักผ่อนได้ตามอัธยาศัย ณ โรงแรม dusit D2 เมืองทิมพู (4 ดาว) หรือระดับเทียบเท่า
วันที่ 2 : ทิมพู - พูนาคา - ทิมพู
- เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารในโรงแรม
- เดินทางสู่เมืองพูนาคา ท่านจะได้ชมทิวทัศน์สองข้างทางที่เต็มไปด้วยธรรมชาติที่งดงามอันน่าประทับใจเป็นอย่างมาก อีกทั้งท่านจะได้ผ่านชม ป้อมชิมโตคาซอง ซึ่งเป็นป้อมที่มีชัยภูมิที่ดีถือเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของเมืองทิมพูอีกด้วย จากนั้นแวะชม จุดชมวิวโดชูลาพาส (Dochula Pass) ที่นี่มีสถูปแห่งชัยชนะ 108 สถูป ตั้งอยู่บนเนินที่ความสูง 3,150 เมตรจากระดับน้ำทะเล สร้างขึ้นเพื่อเป็นสิริมงคล ปกป้องคุ้มครองผู้ที่เดินทางไปมาให้ปลอดภัย ถ้าวันไหนฟ้าเปิด อากาศดี จะมีโอกาสได้ชมความงามของเทือกเขาหิมาลัยจากจุดนี้อีกด้วย รวมถึงชมความงาม เจดีย์ดรุกวังเยลลาคัง อารามหลวงที่ราชินีในรัชกาลที่ 4 อาชิ โดร์จิ วังโม วังชุก ภายในวัดมีภาพจิตรกรรมฝาผนังของเจ้าหญิงและเจ้าชายทุกพระองค์ในรูปของนางฟ้าและเทวดา และยังเป็นสถานที่ก่อนเข้าพิธีอภิเษกสมรส เจ้าหญิงจะต้องมาปฏิบัติธรรมและสวดมนต์ก่อนทุกครั้ง และนำท่านเดินทางต่อเข้าสู่เมืองพูนาคา
- เที่ยง รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร
- บ่าย เมื่อรับประทานอาหารเที่ยงเสร็จเรียบร้อยแล้วเราจะเดินขึ้นเนินไปชม วัดชิมิลาคัง กัน (ใช้เวลาเดินประมาณครึ่งชั่วโมง) วัดนี้อยู่บนยอดเนินใจกลางหุบเขา โดยชาวภูฏานเชื่อกันว่าใครที่มีบุตรยาก หากมาอธิษฐานขอบุตรก็จะได้สมใจ หลังจากนั้นไปชมความงดงามของ พูนาคาซอง ซึ่งเป็นป้อมปราการประจำเมืองพูนาคาก ที่ได้รับการขนานนามว่า “พระราชวังแห่งความสุขอันยิ่งใหญ่” เป็น 1 ในป้อมปราการที่สวยที่สุดในภูฏาน ปัจจุบันเป็นที่พักในฤดูหนาวของพระชั้นผู้ใหญ่ นอกจากนี้ ป้อมนี้ยังตั้งอยู่บริเวณที่แม่น้ำพ่อ (Phochu) และแม่น้ำแม่ (Mochu) ไหลมาบรรจบกัน
- เดินทางกลับสู่ เมืองทิมพู
- ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร จากนั้นเชิญทุกท่าน พักผ่อนได้ตามอัธยาศัย ณ โรงแรม dusit D2 เมืองทิมพู (4 ดาว) หรือระดับเทียบเท่า
วันที่ 3 : ทิมพู
- เช้า รับประทานอาหารเช้าแสนอร่อย ณ ห้องอาหารในโรงแรม
- จากนั้นเราก็จะไปชม หอสมุดแห่งชาติ ซึ่งเป็นสถานที่รวบรวมภาพถ่ายสถานที่ต่างๆ มากมายในประเทศภูฏานทั้งหมด ทุกท่านจะได้ชมหนังสือภาพถ่ายของประเทศภูฏานที่ใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากนี้ท่านยังสามารถหาซื้อหนังสือเกี่ยวกับประเทศภูฏานอื่นๆ ได้อีกด้วย หากท่านใดสนใจสามารถซื้อเล่มย่อเป็นของที่ระลึกได้ซึ่งทางหอสมุดจัดจำหน่ายในราคาย่อมเยา จากนั้นไปสักการะ อนุสรณ์สถานแห่งชาติ National Memorial Chorten ซึ่งเป็นอนุสรณ์มหาสถานแด่กษัตริย์รัชกาลที่ 3 แห่งประเทศภูฏาน ท่านประสงค์จะสร้างเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา แทนสัญลักษณ์ กาย วาจา และใจ หรือตรีภาคขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
- เที่ยง รับประทานอาหารเที่ยงในแบบฉบับของชาวภูฏาน ณ ภัตตาคาร
- บ่าย หลังจากรับประทานอาหารเที่ยงเรียบร้อยแล้ว เราก็จะชม สวนสัตว์แห่งชาติ ของประเทศภูฏานกันซึ่งตั้งอยู่ในเมืองทิมพู เป็นสถานที่อนุรักษ์ ทาคิน สัตว์ประจำชาติของภูฏาน ซึ่งถือว่าเป็นสัตว์หายากมาก เพราะพบได้เฉพาะที่ภูฏานเพียงแห่งเดียวเท่านั้น มีลักษณะพิเศษ คือมีลักษณะผสมระหว่างวัวกับแพะ มีเขา และลำตัวเป็นสีดำ ชอบอาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูง นอกจากทาคินแล้ว ที่สวนสัตว์แห่งนี้ยังมีสัตว์ชนิดอื่นๆ อีกมากมาย อาทิเช่น กวาง และนกอีกนานาพันธุ์ จากนั้นเราจะไปชมและถ่ายรูปที่จุดชมวิวสวยๆ ที่เรียกกันว่า จุดชมวิวซังเกกัง จะได้เห็นวิวทิวทัศน์หุบเขาที่ตั้งของเมืองหลวงทิมพูที่สวยงามและไปสักการะ องค์หลวงพ่อสัจจธรรม พระพุทธรูปที่ตั้งอยู่สูงที่สุดในโลก โดยเศรษฐีชาวสิงคโปร์ได้ร่วมบริจาคเงินซื้อที่ดินและสร้างพระพุทธรูปให้แก่รัฐบาลภูฏาน
- ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร จากนั้นเราก็จะได้พักผ่อนตามอัธยาศัย ณ โรงแรม dusit D2 เมืองทิมพู (4 ดาว) หรือระดับเทียบเท่า
วันที่ 4 : ทิมพู - พาโร - ทักซัง
- เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารในโรงแรม หลังจากนั้นออกเดินทางสู่เมืองพาโร โดยเมืองพาโร (Paro) เป็นเมืองที่ถูกโอบอยู่ในวงล้อมของขุนเขา บนระดับความสูง 2,280 เมตร มีแม่น้ำปาชูไหลผ่าน อาคารบ้านเรือนจะเป็นสไตล์ภูฏานแท้ กรอบหน้าต่างไม้ลวดลายสีสันสดใส สำหรับวันนี้ถือว่าเป็นการผจญภัยที่น่าจะตื่นตาตื่นใจไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะเราจะได้ไปชม ไฮไลท์ สำคัญของประเทศภูฏานแห่งนี้ นั่นก็คือ วัดทักซัง (เรียกได้ว่า ถ้าใครมาภูฏานแล้วไม่ได้มาที่นี่ ถือว่ามาไม่ถึงภูฏาน) วัดถ้ำพยัคฆ์เหิร หรือ “ทักซัง” เป็นมหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่ที่องค์กูรูปัทมสัมภวะได้เดินทางมาบำเพ็ญภาวนาและเจริญสมาธิอยู่ใน ถ้ำบนชะง่อนเขา ตั้งแต่ศตวรรษที่ 8 และท่านก็ยังเป็นผู้นำเอาศาสนาพุทธเข้ามาเผยแผ่ยังดินแดนแห่งนี้ ตามความเชื่อของชาวภูฏานกล่าวว่า ท่านได้เหาะมาบนหลังเสือตัวเมีย มายังหน้าผาแห่งนี้เพื่อทำวิปัสนากรรมฐาน จึงได้ชื่อว่า ถ้ำเสือ (Tiger Nest) หลังจากที่สำเร็จสมาธิแล้ว ต่อมาจึงมีการสร้างศาสนสถานแห่งนี้ขึ้น ชาวภูฏานมีความเชื่อว่าครั้งหนึ่งในชีวิตจะต้องได้ขึ้นมาแสวงบุญ เพื่อความเป็นสิริมงคลและเจริญก้าวหน้าของชีวิต การเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้ วิธีการขึ้นมี 2 วิธี คือ เดินเท้า หรือ ขี่ม้า ซึ่งม้าที่ใช้จะเป็นม้าแคระ แต่จำนวนคนจูงม้าอาจไม่เพียงพอต่อจำนวนนักท่องเที่ยวทุกท่าน ใช้เวลาเดินประมาณ 3 ชั่วโมง หากท่านใดมีทักษะด้านการขี่ม้า หรืออยากผจญภัย จะต้องเสียค่าม้าเพิ่มเติม **ยังไม่รวมค่าทิปคนดูแลม้า** ซึ่งม้าจะไปหยุดที่จุดพักเท่านั้น สำหรับการเดินขึ้นไปยังวัด เส้นทางเป็นเนินเขาและมีหน้าผาสูงชันราว 3,000 เมตรจากด้านล่าง แนะนำให้ทุกท่านค่อยๆ เดินขึ้นไปช้าๆ ราว 2 ชั่วโมง จะถึงจุดพักครึ่งทาง พักดื่มน้ำชา กาแฟ จากนั้นเดินทางต่ออีกราว 1 ชั่วโมง ก็จะถึงสุดทางดิน จากนั้นเส้นทางจะเปลี่ยนเป็นบันไดขึ้นลง 700 ขั้น สู่ยังวัดทักซัง ด้านในทุกท่านจะได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์และชมความงามของธรรมชาติที่สรรค์สร้างอย่างวิจิตร
- เที่ยง รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคารด้านบนระหว่างทางขึ้นทักซัง
- บ่าย หลังจากเติมพลังกันเต็มที่แล้ว เราก็จะเดินลงจากเขากัน เมื่อเราเดินลงจากเขากันเรียบร้อยแล้ว เราก็จะไป ช้อปปิ้งที่พาโรสตรีท เพื่อซื้อของฝากที่ระลึก
- ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร จากนั้นเราก็ได้พักผ่อนตามอัธยาศัย ณ โรงแรม Mandala Resort เมืองพาโร (3 ดาว) หรือระดับเทียบเท่า
วันที่ 5 : พาโร - กรุงเทพฯ
- เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม เราจะเดินทางสู่สนามบินพาโร เพื่อนำท่านเดินทางสู่กรุงเทพฯ
- 10.35 น. เหิรฟ้าสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบิน Bhutan Airlines เที่ยวบินที่ B3-700 (มีบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง) (แวะรับ-ส่งผู้โดยสารระหว่างประเทศ)
- 16.05 น. เดินทางถึงกรุงเทพฯโดยสวัสดิภาพ กับสายการบิน Bhutan Airlines แน่นอนค่ะ